“Trendy C2 ภาคกลางเพิ่มพลังบวก” วันที่ 29-30 นำนักท่องเที่ยวพร้อมสื่อมวลชนจากส่วนกลางเข้าในพื้นที่จำนวน 2 รถบัส เส้นทางกรุงเทพมหานคร -พระนครศรีอยุธยา – สิงห์บุรี -ลพบุรี

Trendy C2 ภาคกลางเพิ่มพลังบวก” วันที่ 29-30 นำนักท่องเที่ยวพร้อมสื่อมวลชนจากส่วนกลางเข้าในพื้นที่จำนวน 2 รถบัส เส้นทางกรุงเทพมหานคร -พระนครศรีอยุธยา – สิงห์บุรี -ลพบุรี

เช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่ลานหน้า ททท.สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ที่ผ่านมา ททท.ภูมิภาคภาคกลาง นำโดย…นายวิศณุ อรุณบำรุงวงศ์ รองผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง…นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย …พร้อมด้วยนายชัยวิทย์ เผื่อนอุดม หัวหน้างานภาคกลาง 1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านเมนูประสบการณ์ “Trendy C2 ภาคกลางเพิ่มพลังบวก”

ในระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคม 2565 โดยมีนักท่องเที่ยว พร้อมด้วยสื่อมวลชนจากส่วนกลางจำนวน 2 รถบัส โดยเส้นทางกรุงเทพมหานคร -พระนครศรีอยุธยา – สิงห์บุรี -ลพบุรี

…สำหรับจุดแรก ที่ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พานักท่องเที่ยวมาเเวะเยี่ยมชม คือพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ของสถาบันสิริกิติ์ ได้คัดเลือกผลงานที่ประณีตศิลป์งดงาม และผลงานจากศูนย์ศิลปาชีพ ที่ได้ถูกคัดสรร จากชิ้นงานโดดเด่น ในเเต่ล่ะเเขนง มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินแห่งนี้ครับ

อีกทั้งผลงานศิลปะแห่งแผ่นดินทุกชิ้น ที่ถูกนำมาจัดแสดงนั่น ได้เทคนิคโบราณ มารวบรวมไว้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งงานคร่ำเงิน คร่ำทอง ถมเงิน ถมทอง งานแกะสลักไม้ งานตกแต่งด้วยปีกแมลงทับ เป็นต้น

…ซึ่งทุกชิ้นนั้น ไม่ได้มาจากมือศิลปินเอก แต่ล้วนถูกสร้างสรรค์จากสองมือ ของชาวไร่ชาวนาผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร สะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ในการสร้างคนของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่นำผลงานมาจัดแสดง คือข้อพิสูจน์ถึงศักยภาพของพสกนิกรชาวไทย และเตือนใจว่าไม่มีการสร้างสรรค์ใด ที่ยิ่งใหญ่ได้ เท่าการสร้างคนครับ

แต่ในทริปนี้ เราจะมาชมภาพบรรยากาศ ภายใน“อาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน” กันครับ อาคารหลังนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวของศิลปะการแสดงโขน ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และผลงานสร้างสรรค์งานศิลปะที่เนื่องด้วยโขน ตลอดจนจัดเก็บฉาก และนำอุปกรณ์ประกอบฉากชิ้นเด่นๆ ที่เคยปรากฏโฉม บนเวทีแสดงตอนต่างๆมาเเล้วทั้งสิ้น 

อาทิ หนุมานอมพลับพลาในการแสดงตอน “ศึกไมยราพ”, เรือสำเภาหลวงในการแสดงตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” รวมถึงประติมากรรมร่างหนุมานขนาด 15 เมตร และประติมากรรมร่างนางผีเสื้อสมุทรขนาดใหญ่ ในการแสดงตอนล่าสุด “สืบมรรคา” มาจัดแสดงด้วยเทคนิคที่ทันสมัยน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งนี้ ผู้เข้าชมสามารถรับชมวีดิทัศน์บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของโขน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำบรรยาย และพาเที่ยวชมตามจุดต่าง ๆ ไล่เรียงไปในแต่ละจุด

…ในช่วงกลางวัน หลังจากอิ่มท้องกันเเล้ว คณะของเราก็ไปอิ่มบุญกันต่อที่

วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ภายในกำแพงกรุงศรีอยุธยาทางทิศใต้ ริมป้อมเพชรตำบลหอรัตไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา

…บิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้สร้าง “วัดทอง”ขึ้นใกล้กับบริเวณนิวาสถานเดิม ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2310 พม่าได้ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาแตก วัดทองก็ถูกพม่าทำลายกลายเป็นวัดร้างมานานถึง 18 ปี

ครั้นใน พ.ศ.2325 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกและสร้างกรุงเทพมหานครเป็นราชธานีแล้ว ต่อมาใน พ.ศ.2328 ได้ทรงโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์วัดทองที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่กรุงแตกใหม่ทั้งอาราม ในการปฏิสังขรณ์และการก่อสร้างครั้งนี้

..กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชาได้ทรงร่วมปฏิสังขรณ์และก่อสร้างพระอุโบสถ พระเจดีย์ และหมู่กุฏิทั้งหมดด้วย เมื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จพระองค์ได้พระราชทานนามใหม่ตามชื่อของพระราชบิดา(ทองดี)และพระราชมารดา(ดาวเรือง)ว่า “วัดสุวรรณดาราราม”

…เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคต พระมหากษัตริย์รัชกาลต่อมาแห่งราชวงค์จักรี ได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้ต่อมาเป็นลำดับ มีการก่อสร้างพระวิหารเจดีย์ กำแพงแก้ว และปูชนียสถานอื่นๆภายในพระอารามแห่งนี้ นับได้ว่าวัดสุวรรณดาราเป็นพระอารามแห่งราชวงศ์จักรีโดยแท้ และเป็นวัดที่สวยงาม ที่หากมีโอกาส ควรได้มาชมศาสนะวัตถุ ศาสนะสถานต่างๆด้วยตนเองครับ 

…จากนั้นคณะของเรา เดินทางเข้าสู่จังหวัดสิงห์บุรี ร่วมทำกิจกรรม DIY ผ้าเช็ดหน้าพิมพ์ลายมัดย้อม ณ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ผ้าหมักโคลน ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี 

…เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน สร้างสรรค์ แถมได้ของที่ระลึก จากฝีมือตนเองกลับบ้านด้วยครับ

…และสถานที่สุดท้ายของกิจกรรมท่องเที่ยว ในวันนี้ก็คือ วัดไลย์ เป็นวัดตั้งอยู่ริมน้ำบางขาม ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรีครับ

…วัดไลย์ เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น รัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ทรงปฏิสังขรณ์มีพระวิหาร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนต้น คือ มีลักษณะเจาะช่องผนังแทนหน้าต่าง ๆ ภายในมีพระประธานขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง

…นอกจากเป็นวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำบางขามและมีโบราณสถานสำคัญคือวิหารเก้าห้องซึ่งมีประติมากรรมฝาผนังเป็นปูนปั้นเรื่องราวทศชาติชาดก

วัดไลย์ยังเป็นประดิษฐานของรูปหล่อพระศรีอาริย์ ซึ่งผู้คนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก  ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระศรีอาริย์จุติลงมาจากสวรรค์ชั้นดุสิตและบวชอยู่ที่วัดไลย์แห่งนี้ เมื่อท่านดับขันธ์กลับสู่สวรรค์ ชาวบ้านต่างโศกเศร้าจึงช่วยกันสร้างรูปเหมือนของท่านเพื่อกราบไหว้สืบมา

…นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดไลย์ ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุไว้เป็นจำนวนมากโดยจัดแสดงให้ชมในอาคารพิพิธภัณฑ์ 2 ชั้น โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์เป็นของเก่าแก่ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้นำมาถวายวัด  ซึ่งได้มาจากมรดกตกทอดสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ และภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้นที่วัดไลย์

วัดไลย์ จึงเป็นอีกวัดที่มีความสำคัญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะทางศาสนะสถาน และศาสนะวัตถุ ซึ่งก็คือ มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญนั่นเอง อีกทั้งพระศรีอาริยเมตไตร ประติมากรรมปูนปั้นเก่าแก่ครั้งสมัยอยุธยา ที่สมบูรณ์และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งครับ

 

  ขอขอบคุณ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง

นายวิศณุ อรุณบำรุงวงศ์  รองผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง

นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายชัยวิทย์ เผื่อนอุดม หัวหน้างานภาคกลาง 1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

#TrendyC2

#เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง

#ชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว

#เที่ยวไทยฯลฯ

#Doodeevariety.com เรื่องราวดีๆที่อยากให้คุณติดตาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed