ยูโอบี จับมือ จุฬาฯ ส่งมอบดิจิทัลโซลูชัน Virtual Account ยกระดับการบริหารจัดการเงินทุนวิจัย

ยูโอบี จับมือ จุฬาฯ ส่งมอบดิจิทัลโซลูชัน Virtual Account ยกระดับการบริหารจัดการเงินทุนวิจัย
10 มิถุนายน 2568 – ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งมอบบริการบริหารจัดการเงินสดแบบดิจิทัล Virtual Account เพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-จ่ายเงินทุน สำหรับงานวิจัย และยกระดับงานวิจัยจุฬาฯ สู่ยุคดิจิทัล
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO และ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการเงินสดของธนาคาร
มาช่วยยกระดับมาตรฐานของการทำงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัย โซลูชัน Virtual Account ได้รับการออกแบบมาให้ลดขั้นตอนการรับ-จ่ายเงินทุน สำหรับงานวิจัย อำนวยความสะดวกให้งานวิจัยต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น”
ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีนักวิจัยอยู่ประมาณ 2,800 คน ในแต่ละปี มีการทำโครงการวิจัยกว่า 400โครงการ อุปสรรคสำคัญของการดำเนินโครงการวิจัยที่ทางจุฬาฯ ประสบก็คือ ความล่าช้าในการระบุที่มาของเงินทุนวิจัย ที่เข้ามาจากหลากหลายช่องทาง โดยต้องใช้ระยะเวลาถึง 1-3 เดือนในการกระทบยอดในบัญชีส่วนกลาง เพื่อระบุที่มาของเงินทุน ทำให้เกิดความล่าช้าในการนำจ่ายให้กับนักวิจัยของแต่ละโครงการ
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ในฐานะสถาบันการศึกษาของประเทศ หนึ่งในเป้าหมายของเรา คือช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ผ่านโครงการศึกษาวิจัยต่างๆ ของทางมหาวิทยาลัย การบริหารจัดการทุนวิจัยผ่านระบบ Virtual Account ของธนาคารยูโอบี ช่วยลดขั้นตอนการทำงานเอกสาร และทำให้เกิดความโปร่งใส เนื่องจากนักวิจัยสามารถตรวจสอบกระบวนการเบิกจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้รับเงินทุนรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้สามารถพัฒนางานวิจัยได้อย่างต่อเนื่อง”
โซลูชันบริหารจัดการเงินสดแบบดิจิทัล Virtual Account เป็นทางเลือกสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ เช่น สถาบันการศึกษา ที่ได้ประโยชน์จากการปรับใช้ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการดำเนินงานด้านบัญชี ทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากขึ้น
เกี่ยวกับธนาคารยูโอบี
ธนาคารยูโอบี เป็นธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมประเทศจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม รวมถึงสาขาในอีก 19 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ยุโรปตะวันตก และอเมริกาเหนือ รวมทั้งสิ้นกว่า 470 แห่งทั่วโลก
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2478 ยูโอบีเติบโตอย่างมั่นคง ผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการและการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Aa1 จากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส, AA- จากฟิทช์ เรทติ้งส์ และ AA- จาก S&P Global Ratings
ยูโอบีให้ความสำคัญกับการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมส่งมอบบริการทางการเงินที่เข้าใจความต้องการเฉพาะบุคคล โดยผสานข้อมูลเชิงลึก นวัตกรรม และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมผ่านโครงการด้านศิลปะ เยาวชน และการศึกษา เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก
เกี่ยวกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย ให้บริการผ่านเครือข่าย 144 สาขาทั่วประเทศ และเครื่องเบิกเงินสดอัตโนมัติกว่า 343 เครื่อง รวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเครื่องเบิกเงินสดของธนาคารยูโอบีมากกว่า 56,800 เครื่องทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567)
ธนาคารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับชั้นนำ ได้แก่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส (อันดับความน่าเชื่อถือเงินฝากระยะยาวที่ A3) และฟิทช์ เรทติ้งส์ (อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวที่ A- และอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวที่ AAA(tha))